Forex, EA, Binary Option, Signals, affiliate

Forex, EA, Binary Option, Signals, affiliate
แหล่งความรู้สำหรับผู้เริ่มต้นการเทรดค่าเงิน มาเรียนรู้ไปด้วยกันอย่างถูกต้อง

มีเงินแต่ขาดความรู้ เทรดยังไงก็ขาดทุน





นักเทรดหลายคนเข้าใจผิดว่าเตรียมเงินในพอร์ตให้มาก ๆ เข้าไว้ เผื่อโดนลากจะได้ทนได้นาน ๆ ถึก ทน ไว้ก่อนเป็นดี จึงทำให้เติมเงินในพอร์ตรัว ๆ เพียงหวังใจว่าเดี๋ยวกราฟวิ่งกลับมาก็กำไรแล้ว รออีกนิด รออีกหน่อย เงินไม่พอเติมเข้าไปอีก เอาให้พอ (แค่เขียนบทความกับการเทรดลักษณะนี้ยังเหนื่อยแทนเลยครับ)

แบบนี้เสียดายเงินมาก ๆ เลย มีเงินแต่ขาดความรู้ ขาดวินัยในระดับสูง เทรดยังไงก็เจ๊งไม่วันหนึ่งก็วันใดอยู่ดี แต่ไม่เป็นไรคือเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับนักเทรดไม่บ่อยครั้ง เพียงแต่นักเทรดอาจจะไม่อยากสูญเสียเงินก้อนนี้ไปและยังพอมีทุนที่จะเติมเงินเข้าพอร์ต เพื่อไปรักษาพอร์ตนี้เอาไว้ก่อนเท่านั้น และคิดเพียงแค่ว่า ขาดทุนให้น้อยกว่านี้อีกสักนิด หรือเพียงแค่เท่าทุนก็พอใจแล้ว จากนั้นเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนกับนักเทรดเองและมันจะไม่เกิดขึ้นแบบนี้อีก จากนี้ไปก็เพียรหาความรู้เพิ่มเติมให้มากที่สุด

ดีใจด้วยกับนักเทรดที่เหตุการณ์ใด ๆ ก็ตาม สามารถเปลี่ยนความคิดนักเทรดได้ เพราะนั่นจะทำให้คุณยืนนอยู่ในตลาดนี้ได้ต่อไป แหล่งความรู้มีอยู่ทั่วไป เช่น ข่าวสารต่างๆ เรียกได้ว่าออกมาเป็นรายชั่วโมงกันเลย  ความรู้ตามเว็บบอร์ด หรือในยุคนี้ก็จะเป็นกลุ่ม chat line หรือกลุ่ม FB และบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ ก็ใช้ได้ทั้งนั้น ที่บอกว่าใช้ได้คือ การนำมาวิเคราะห์ต่ออีกครั้งในรูปแบบของเราได้ แต่บางทีนักเทรดหน้าใหม่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกับเทคนิคที่ลึกซื้งมากนัก อาจจะทำให้เครียดได้เช่นกัน ก็เลือก ๆ เสพกันสักนิด

แต่มีนักเทรดกลุ่มหนึ่งคือจะไม่ค่อยสนใจกับเสพข่าวต่าง ๆ เหล่านี้มากนัก เพราะเค้าคิดว่ายิ่งฟังมาก อ่านนักวิเคราะห์มาก ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจก็ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ อยู่ดี จึงใช้เวลาที่มีในยามว่างทั้งหมดทุ่มไปกับการคิดค้นหาระบบของตนเองมากกว่า บางคนก็เจอระบบของตัวเองจริง ๆ แต่นักเทรดก็จะไม่ค่อยออกตัวมากเท่าไร เพราะคิดว่าระบบที่เจอไม่ได้เทพอะไรเลย เพียงแค่เข้าใจการให้สัญญาณของอินดิเคเตอร์ หรืออ่านกราฟแท่งเทียนให้ออกก็ทำกำไรวันละเล็กละน้อยได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจะคิดพียงว่าเขาเป็นนักเทรดตัวเล็ก ๆ หน้าใหม่ใจสู้ จะป่าวประกาศว่าตนเองเทพก็ไม่ใช่ที่เท่าใด เทรดเงียบ ๆ เรียบง่ายจะดีที่สุด

การมีเงินมาก ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะเทรดได้อย่างสบายใจ แต่การมีความรู้มากต่างหากจะการันตีได้ว่าคุณจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างดีเยี่ยม และถึงแม้ว่าคุณจะขาดทุนบ้างก็ตาม คุณก็จะมีกำลังใจและมองตลาดเทรดในมุมบวกได้มากขึ้นไปอีกด้วย เพราะแท้จริงแล้วตลาดไม่ได้ทำอะไรนักเทรดเลยนะ แต่นักเทรดต่างหากที่ขาดความรู้ความเข้าใจ จึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นบ่อย ๆ เท่านั้นเอง

Stochastic Oscillator คุณใช้งานถูกต้องอยู่หรือเปล่า





Stochastic Oscillator หลักในการคำนวณที่ลึกซื้งคงจะไม่พูดถึงในจุดนี้เพราะนักเทรดไม่ได้ใช้กันอยู่แล้ว แต่นักเทรดควรรู้ว่า เส้นทั้ง 2 เส้นมีความหมายว่าอย่างไร
  • เส้น %D สีน้ำเงินคือการเทียบราคา HI ของวัน
  • เส้น %K สีแดงจะเป็นผลการคำนวนของค่าเฉลี่ยเส้นแรก

ความเข้าใจอย่างง่ายสำหรับ Stochastic Oscillator คือมันจะช่วยบอกการแกว่งของราคา หากราคาปิดเข้าใกล้จุด HI ของวัน เส้นมันจะขยับเข้าใกล้ 100 ไปเรื่อย ๆ ยิ่งอยู่ในโซนใกล้ 100 หลายวัน ก็หมายความว่าราคาปิดจะสูงขึ้นไปอีกได้ และในขาลงหากปิดต่ำกว่า HI ของวัน Stochastic Oscillator ก็จะลดระดับลงต่ำเข้าใกล้ 0 มากขึ้นไปเรื่อย ๆ 

แต่หากจะดูว่ามันเป็นเทรนด์ขาขึ้น หรือขาลงแล้วก็สามารถดูได้จาก
  • การที่มันเข้าถึง 80  และขยับตัวอยู่ในโซนนี้ได้เรื่อย ๆ และนาน นั่นหมายความว่ามันเป็นเทรนด์ขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และให้สัญญาณว่าราคาจะปิดที่ใกล้ไฮของวันได้เรื่อยๆ
  • การที่มันลงมาเข้าสู่เขต 20 และรักษาราคาในโซนนี้ได้เรื่อย ๆ มันก็บอกกับเราว่าเป็นเทรนด์ขาลงอย่างแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
นักเทรดหลาย ๆ ท่านเข้าใจว่า
  • หากเส้นสีน้ำเงินเข้าถึง 80 ให้เตรียม sell หากมันตัดกับเส้นแดงลงมา 
  • และหากเส้นน้ำเงินลงมาถึง 20 ให้เตรียม buy หากมันตัดกับเส้นแดงขึ้นไป 
แต่ลองสังเกตดุดี ๆ ละกันว่าอย่างไหนกันแน่ที่เจ้า Stochastic Oscillator บอกกับเรา เพราะบางทีมันอาจจะช่วงเวลาที่กราฟย่ออยู่ หรือมันบอกกับเราว่ารอต่อไปอีกสักหน่อยเถิดนักเทรดทั้งหลาย ยังไม่ต้องรีบ buy หรือ sell จนเกินไป มิเช่นนั้นท่านอาจจะต้องทนถือขาดทุน , cut loss , หรือขายหมูไปก่อนก็อาจเป็นได้นะ .. แบบนี้ต้องทดสอบกันหน่อยแล้วหละ ..

คิดจะเป็นนักเทรดต้องใจเย็น





ความใจเย็น จะทำให้นักเทรดเฝ้ารอได้ จริง ๆ แล้วก่อนที่จะเข้ามาในตลาดการเทรดค่าเงินจนกระทั่งเปิดพอร์ตเทรดได้จริง คุณอาจจะต้องใช้เวลานานเป็นปีเลยทีเดียว เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในแต่ละตลาดมีวิธีการเทรดอย่างไร

หากคุณสนใจการเทรด binary option ก็ต้องเข้าใจวิธีการเทรดก่อน เพราะว่าจะมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น หากคุณกด call หรือ put ก็จะมีเวลาในการทำกำไรเข้ามากำหนด เวลาก็จะนับถอยหลังไป จนกระทั่งหมดเวลา หากนักเทรดเข้าสัญญาถูกทางก็เป็นอันรับกำไรเข้ากระเป๋ากันไป แต่หากขาดทุนก็สามารถหาจังหวะเข้าเทรดได้อีกครั้ง แต่ในรายละเอียดจะมีมากกว่าที่กล่าวมาแล้วนี้ มิใช่เพียงการกด call หรือ put เท่านั้น หากนักเทรดสนใจในการเทรด binary option จริง ๆ ก็ให้เริ่มศึกษาตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่าทำไมจึงมาเป็น binary option วิธีการเทรด ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง ก็จะทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จได้ จะเห็นได้ว่ากว่าจะทำความเข้าใจในส่วนต่าง ๆ เพียงแค่เบื้องต้นก็ดูจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ในการศึกษากันเลยทีเดียว นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องใจเย็น ๆ เข้าไว้

มาถึงตลาดใหญ่ที่สุดของการเทรดค่าเงินกันบ้างนั่นคือ ตลาด forex นักเทรดเองก็มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่า ตลาดนี้คืออะไร แล้วทำไมนอกจากการเทรดหุ้นแล้ว ถึงมีการเทรดค่าเงินด้วย ที่เราได้ยินมาว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงนั่นเป็นอย่างไร ลักษณะไหนกันแน่ แล้วจะมีวิธีการใดที่จะลดความเสี่ยงนั้นลงได้ จนทำให้เราสามารถทำมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับเรา นอกจากกดออก order แล้วรอรับกำไร (หรือขาดทุน) ยังมีเครื่องมือใดอีกบ้างที่จะมาเป็นตัวช่วยให้การเทรดของเราง่ายขึ้น ที่เค้าว่ากันว่าต้องมีวินัย , ต้อง MM , ต้องควบคุมความโลภ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ยังจะรวมไปถึงการ copy trade และการใช้ ea ตัวช่วยในการเทรดอีก เป็นต้น

มาจนถึงตรงนี้แล้ว ดูจะต้องใจเย็นจริง ๆ แล้วใช่หรือไม่ เกาะขอบสนามเก็บรายละเอียดไปก่อนก็ได้ครับ ค่อย ๆ ศึกษาไปทีละอย่าง เดิมทีอาจใช้เวลาหมดไปกับการเล่นเกมส์ ฟังเพลง ดูหนัง ก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นหนังสือการเทรดดี ๆ สักเล่มเพื่ออ่านทำความเข้าใจในส่วนต่าง ๆ ไปก่อน หากอ่านแต่ตัวหนังสือแล้วมองไม่ออก สมัครเปิดพอร์ตเทรดโดยการใช้ demo ไปก่อนก็ยังได้ ทีนี้ก็จะเริ่มเข้าใจมันมากขึ้นว่าแท่งเทียนลักษณะไหน หมายถึงอะไร บอกอะไร หรืออินดิเคเตอร์ตัดกัน 2 เส้น ให้เข้า order ได้ แต่ระวังสัญญาณหลอกเป็นยังไง สักพักจะค่อย ๆ เข้าใจไปเองครับ

สำคัญมาก ๆ ในเรื่องของการเงิน ระหว่างที่คุณกำลังเริ่มต้นศึกษาในส่วนต่าง ๆ ก็จะพอมองออกว่าต้องมีการกำหนดเงินทุนในการเทรดด้วย และทุก ๆ ตำราก็จะบอกว่าต้องเป็นเงินเย็นเท่านั้น เงินที่หากเกิดการขาดทุนขึ้นมา คุณก็ไม่เดือดร้อน และสามารถคิดบวกได้ว่า นั่นคือค่าความรู้ คุณอาจจะกลับไปทดลองระบบกับ demo ใหม่ก่อนก็ได้ หรือคิดว่าสามารถแก้ไขในจุดบกพร่องได้แล้ว จะเทรดต่อด้วยเงินจริงก็เอาที่สะดวกได้เลย

เงินเย็น ผนวกกับใจเย็น ผลน่าจะออกมาดีกว่า เงินร้อน ผนวกกับใจร้อน นะครับ

เคยไหม๊ ถือขาดทุนได้นาน แต่กำไรรีบโกย




เชื่อว่าทุกคนเคยผ่านจุด ๆ นี้มาแล้ว เพราะไม่ยอมตั้งจุดขาดทุนเอาไว้ คือไม่อยากขาดทุนใด ๆ เลย ก็เลยทนถือขาดทุนเอาไว้จนกว่ากราฟจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้หากมีเงินทุนในพอร์ตน้อยก็มีสิทธิ์ล้างพอร์ตกันไปง่าย ๆ แต่หากใครที่ทุนหนา จะอยู่รอก็ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นเทคนิคของท่าน

เป็นธรรมชาติของนักเทรดเพราะต่างก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรแน่นอน โกยเงินเข้ากระเป๋าไว้ก่อนเป็นอันอุ่นใจ แต่ทำไมกันนะ เวลาที่ขาดทุนกลับไม่ยอมปิดทนถือ order ไว้แล้วเฝ้ารอได้ ขนาดข้ามวันข้ามคืนก็ยังทนถือกันไป สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่านักเทรดไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเทรดสักเท่าไหร่ เพราะหวังเพียงว่าจะเข้ามาทำกำไรเท่านั้น ได้น้อยก็เอา ได้มากยิ่งดี แต่เสียหรือขาดทุนจะไม่ยอม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการผิดหลักการเทรดที่ถูกต้องไปค่อนข้างมาก

Cut loss ไปเถอะครับ ถ้าจะให้ดีก็ตั้งจำนวนขาดทุนไว้เลย ตั้งไว้ที่ 10$ ขาดทุนได้เท่านี้ ก็คือเท่านี้ เงินทุนที่เหลือก็สามารถนำมาสร้างกำไรได้ใหม่ในครั้งหน้า แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไปเอาคืนในตอนนั้น เพราะอารมณ์ของนักเทรดจะเริ่มไม่ได้แล้ว ยิ่งใครนำเงินร้อนมาลงทุนยิ่งต้องตระหนักในเรื่องของการบริหารจัดการการเงิน และความโลภให้มาก ๆ 

การตัดขาดทุนไม่ได้เป็นความพ่ายแพ้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวินัยในการเทรด การจะเป็นเทรดเดอร์ที่ดีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องชนะในทุก ๆ ไม้ แพ้บ้างก็ได้ไม่เห็นเป็นไร เพราะมันก็เป็นธรรมชาติของการเทรดค่าเงิน แต่คนที่แพ้จนหมดเนื้อหมดตัว แถมยังก่อหนี้สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัวนี่ซิ!! เข้าข่ายนักพนันเลยทีเดียว เพราะคงจะจัดหนัก จัดเต็มไม่เบาในแต่ละไม้ กะว่าได้เงินจากการเทรดวันนี้แล้วจะสบายไปทั้งเดือนได้เลย

จะเห็นได้ว่าการพูดคุยกันในกลุ่มนักเทรดส่วนใหญ่ ก็จะมีหลากหลายคลื่นความคิด 
  • บ้างก็เก็บกำไรสั้น ๆ  สบาย ๆ ใครได้มาก ได้น้อยไม่สนใจ เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้ก่อน
  • บ้างก็ถือยาว ๆ ด้วยความที่กราฟเป็นเทรน์จึงยังไม่ปิด order 
  • บ้างก็ทนไม่ไหว ตัดขาดทุนไปซะดีกว่ารักษาต้นทุนไว้
  • บ้างก็อึด ถึก เงินทุนเยอะ ถือขาดทุนไว้ก่อน รอดูสถานการณ์สักพัก
จะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายเหลือเกินในการแก้ทาง หรือแก้ปัญหา เทรดเดอร์ที่ยังหาวิธีการของตนเองไม่เจอมีมากกว่าคนที่รู้วิธีการเทรดแล้วเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเลือกรับรู้ข่าวสารหรือข้อมูลก็ต้องมีสติให้มากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นและหมั่นหาความรู้จะทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จในหนทางของตนได้ในสักวัน

การถือผลขาดทุนเอาไว้นาน ๆ เพื่อที่จะชนะตลาดดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลย เอาชนะใจตัวเองตัดใจซะก่อน หมั่นฝึกฝนต่อไป และอยู่รอดในตลาดการเทรดค่าเงินให้ได้ยาวนานเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากกว่าครับ

ถือ order ไว้นาน ๆ ดีจริงหรือ





ในส่วนนี้จะระบุไปยังตลาด forex เป็นส่วนใหญ่ เพราะจะไม่มีเวลาเข้ามาจำกัด นักเทรดสามารถถือ order ไว้นานแค่ไหนก็ได้เท่าที่ต้องการ เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นด้วยหากถือข้ามคืน

เชื่อว่าเทรดเดอร์ที่เข้ามาในตลาดใหม่ ๆ จะต้องทดสอบวิธีการเทรดในหลาย ๆ อย่าง คือ ใครว่าแบบไหนดี แบบไหนได้กำไรมาก ๆ ก็จะเข้าไปทดสอบด้วยทุกครั้ง หลายคนใช้ demo ทดสอบ เพราะวิธีใหม่ ๆ จะเป็นวิธีการที่เราไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้มาก่อน จึงยังทำให้ลงเงินจริงไม่ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วสำหรับการทดสอบสิ่งใหม่ ๆ แต่ก็มีนักเทรดใจนักเลงลงเงินจริงไปเลย เพราะประวัติการใช้วิธีการนี้สวยงามมาก กำไรมากกว่า 10% ต่อครั้งเลยทีเดียว เพื่อให้ไม่เป็นการเสียโอกาสในการทำกำไร ขอลงเงินจริงเลยก็แล้วกัน

สมมติว่ามีคนใช้ระบบที่ว่านี้ 10 คน 5 คนบอกว่าทำกำไรได้ ระบบเทพมาก แต่อีก 5 คนบอกว่าขาดทุน ระบบไม่ดีเอาซะเลย แล้วทีนี้จะโทษใครได้ ก็ต้องโทษตัวนักเทรดเองเพราะการใช้ระบบใด ๆ แบบไม่มีความรู้หรือพื้นฐานความเข้าใจในระบบมาก่อนย่อมจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ นักเทรดที่มากประสบการณ์จะไม่ค่อยตื่นเต้น หรือไม่รู้สึกอะไรเลยกับระบบใด ๆ ก็ตามที่คนแห่ไปใช้กันมาก ๆ หรือใครก็ตามที่โชว์กำไร เพราะแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่นักเทรดจะไม่มีวันขาดทุน เพียงแต่เค้าไม่บอกให้เสียภาพลักษณ์เท่านั้นเอง

การถือ order ไว้นานจะทำให้นักเทรดมีความเครียดในระดับสูงได้ เพราะเราต้องคอยเฝ้าดูว่าจะปิด order ได้หรือยัง ปิดเมื่อไหร่ดี และจะมีความคิดว่าไหน ๆ ก็ถือมานานแล้ว กำไร 30$ ยังไม่พอประกอบกับเห็นว่ากราฟยังมีแนวโน้มจะไปต่อได้อีก ก็ถือยื้อไปอีกเพราะเป้าหมายอยู่ที่ 50$ จึงทำให้ถือ order กันต่อไป แต่อย่าลืมว่าข่าวทางด้านเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งในตารางและนอกตารางจะเข้ามามีบทบาทสำคัญทำให้แนวโน้มเปลี่ยนไปได้ด้วย พอข่าวไปกระทบค่าเงินใด ๆ เข้าจะทำให้ทิศทางเปลี่ยนไปทันที หากเข้าทางก็กำไรเบิ้ลเข้าไปหลายเท่า แต่หากผิดทางจากที่ถือมาหลายวันกับเป้าหมาย 50$ อาจจะทำให้เหลือเพียง 10$ หรือจำใจปิดขาดทุนกันไป

แต่หากเราลองใช้วิธีการเทรดแบบสั้น ๆ กลับพบว่าการเทรดจะใช้เวลาไม่มาก และยังสามารถปิดกำไรได้ครั้งละ 1-3$ ซึ่งเป็นวิธีการที่ประหยัดเวลาและความเครียดก็ลดลงด้วย ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่น่าศึกษาเลยทีเดียว 

แต่ไม่ว่าจะถือ order ไว้นาน ๆ หรือถือ order แบบสั้น ๆ ก็ตาม ทุก ๆ วิธีการต่างก็ต้องการการศึกษากลยุทธ์ในการเทรดด้วยกันทั้งนั้น และวิธีการใด ๆ ก็คงไม่เท่าความชำนาญของนักเทรดเอง หากนักเทรดต้องการมีความชำนาญในสิ่งใดก็ยังคงต้องพัฒนาในจุดนั้นต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้นด้วยเช่นกัน

มาเป็นนักเทรดมืออาชีพกันไหม๊ ?





นักเทรด หรือเทรดเดอร์ ไม่ว่าใครจะใช้เป็นเพียงการสร้างรายได้เสริม หรือเป็นเทรดเดอร์แบบเต็มตัวก็ตามที ก็ถือได้ว่าต้องอาศัยองค์ความรู้ด้วยเหมือนกัน และดู ๆ ไปแล้วหากผู้ไม่เคยจับต้องการเทรดมาก่อนก็มีความจำเป็นที่จะต้องนับ 1 กันใหม่เลย

หลาย ๆ คนมีความฝัน มีความหวังกับการเป็นเทรดเดอร์มาก จนอยากจะให้เป็นอาชีพหนึ่งในชีวิตเลย ขอใช้คำว่า “ อาชีพหนึ่ง ” เพราะจะให้เป็นอาชีพหลักคงไกลเกินไปสำหรับนักเทรดที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะเคยมีโบรคเกอร์ได้กล่าวไว้ว่า มีเทรดเดอร์เพียง 10% เท่านั้นที่เอาชนะตลาดได้ อีก 90% ยังคงมีผลขาดทุนมากกว่ากำไรกันต่อไป

ความเป็นมืออาชีพอาจจะไม่ได้หมายถึงความเก่งจนเอาชนะตลาดได้หรอก แค่เรามีความชำนาญในบางจังหวะก็พอแล้ว และสถิติที่ได้บันทึกไว้ก็บอกไว้ว่า ณ จุด ๆ นี้ เป็นจุดที่เราเข้า order แล้วมีกำไรมากกว่าขาดทุนได้ก็เท่านั้นเอง แต่อาจจะเข้า order ได้ไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่เข้าก็สามารถทำไรได้ไม่ยากจนเกินไป พอจับจังหวะเทรดในจุดนี้บ่อย ๆ เข้าก็เกิดความชำนาญ และกลายเป็นมืออาชีพในแบบที่เราเป็นได้ก็พอแล้ว

นักเทรดที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ ต้องมีวินัยติดตัวด้วยเสมอ ความมีวินัยต้องมีอยู่ในสายเลือดของคนทุกคนอยู่แล้ว ในบางอาชีพอาจจะมีมากหน่อย เช่น ตำรวจ ทหาร แพทย์ เป็นต้น แต่ทุก ๆ อาชีพจำเป็นต้องมี คนที่บอกว่าคนเองไม่มีวินัยในการเทรดเอาซะเลย เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ๆ เลยนะครับ สำหรับประเด็นนี้ คุณลองคิดว่า แม้ในยามที่คุณทำงานประจำเวลาเข้างานคือ 08:00 น. คุณเองก็ยังต้องไปเข้างานให้ตรงเวลาเลย ก็แค่เอามาใช้กับการเทรดค่าเงินเท่านั้นเอง ก็คือจังหวะแบบนี้ไม่เข้าเทรด ก็คือไม่เข้า อารมณ์เครียดและโลภ จะไม่เข้าเทรด ก็ต้องไม่เข้า ไม่ต้องสนใจพอร์ตเทรดเลย ก็แค่เท่านั้น

ต่อมาแม้ในยามที่คุณทดสอบการเทรดของคุณ จำนวน 10 ครั้ง แล้วพบว่าคุณชนะทั้ง 10 ครั้ง ก็อย่าเพิ่งลำพองใจไปว่าคุณเก่งคุณคือมืออาชีพ เพราะเทรดเดอร์มืออาชีพจริง ๆ เค้าจะมีความนิ่งมาก ๆ แม้ว่าจะชนะรวดเดียว 20 ครั้งก็ตาม ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือการตอบตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมาว่า เทรดชนะเป็นเพราะอะไร ไม่ได้ชนะเพราะความฟลุ๊คเท่านั้น จากนั้นก็จะพัฒนาตรงจุดนั้นต่อไป ว่ายังมีจุดด้อยในด้านใดบ้างที่ต้องขจัดออกไป เพราะการชนะ 20 ครั้ง ไม่ได้หมายความว่าครั้ง 21 จะชนะได้อีก

นักเทรดที่เป็นมืออาชีพมากพอ จะไม่เพิ่ม lot จนกลายเป็น overtrade เพราะเค้ารู้ดีว่าไม่มีอะไรแน่นอน ใช้ lot เดิม ๆ ก็ทำกำไรได้แล้ว หรือหากผิดพลาดก็ถือว่าคืนกำไรบางส่วนให้กลับตลาดไป แล้วก็อาจจะหยุดเทรดในขณะนั้นโดยทันที

นิยามความเป็นนักเทรดมืออาชีพ ไม่มีกำหนดแน่นอนตายตัว เหมือนกับนักกีฬาที่ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ก็จัดได้ว่าเป็นมืออาชีพแล้ว แล้วคุณหละ ? เป็นนักเทรดมืออาชีพได้แล้วหรือยังครับ

นักเทรดแบบ Day Trade จะวิเคราะห์กันอย่างไร






เนื่องจากการเทรดค่าเงินเป็นตลาดของต่างประเทศ ดังนั้นเราจึงควรรู้ว่าตลาดในแต่ละคู่เงินเปิด - ปิดตอนกี่โมง เพราะจะทำให้ไม่เสียเวลานั่งเฝ้ากราฟกันทั้งวันทั้งคืน เพราะในช่วงเวลาที่ตลาดปิดกราฟก็จะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ จะนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น จนตลาดเปิดและมีแรงของสภาวการณ์ต่าง ๆ เข้ามากระทบจะทำให้มีความเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง

นักเทรดแบบ day trade ก่อนที่จะเข้าเทรดอาจจะเช็คแนวโน้มของวันก่อน ว่าวันนี้แนวโน้มของคู่เงินนั้น ๆ อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือขาลง และตัดสินใจหาจังหวะเข้าเทรดกันอีกที แนวโน้มจะบอกอะไรเรา ? มันจะบอกว่า ถึงแม้ว่าในระหว่างวันอาจมีการเปลี่ยนทิศทางไปบ้างแต่อย่างไรแล้วโดยทฤษฎีก็จะกลับเข้ามาอยู่ในแนวโน้มเดิม จนกระทั่งเดินทางไปถึงจุดกลับตัว ซึ่งต้องระวังกันให้มาก เพราะนักเทรดอาจคิดว่าราคาอาจจะไปได้อีก แต่เอาเข้าจริง ๆ กราฟได้เปลี่ยนแนวโน้มแล้ว ต้องหาทางออก order ให้ทัน หรือไม่ก็ cut loss ออกไปก่อนได้เลยแล้วค่อยหาจังหวะเข้าทำกำไรกันใหม่

ความยากมันอยู่ที่จุดตัดสินใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะใช้การคาดการณ์ของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็คงไม่ได้ ดีไม่ดีเข้า order กันคนละกรอบเวลา ก็ทำให้เห็นกราฟไม่เหมือนกันแล้ว การเทรดแบบ day trade เป็นการเทรดด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาไม่มากในแต่ครั้ง เพราะจะเข้า order เฉพาะจังหวะที่นักเทรดได้คิดไว้แล้วเท่านั้น และจะไม่ถือกันยาว แค่เพียงเห็นว่ามีผลกำไรพอประมาณแล้วก็ปิด order ออกได้เลย เพราะตามธรรมชาติกราฟจะมีการย่อตัวเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะย่อแล้วกลับไปทิศทางเดิม หรือเปลี่ยนทิศทางสักแท่งสองแท่ง แล้วจึงกลับไปทิศทางเดิมอีก

จะเห็นได้ว่าการเทรดแบบ day trade จะเป็นการเทรดแบบรีบ ๆ เร่ง ๆ สักนิด เพราะคือ รีบเข้า รีบออก เก็บเงินเข้ากระเป๋าก่อน แล้วหาจังหวะเข้าไปใหม่ แล้วก็รีบออกอีกครั้ง นักเทรดบางคนเห็นจังหวะดี ๆ หลาย ๆ ครั้งใน 1 วัน ก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว อาจจะครั้งละ 10$ แต่ 5 ครั้ง ก็เป็น  50$ แล้ว และใช้เวลาอาจจะเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยไม่สนใจว่ากราฟจะไปต่อได้อีกหรือไม่ เน้นว่าไม่มีอะไรแน่นอนเก็บเงินเข้ากระเป๋าไว้ก่อนดีที่สุด

ซึ่งหากเปรียบเทียบกับนักเทรดทางเทคนิคที่เทรดไปตามแนวโน้ม หรือเลือกใช้กรอบเวลาใหญ่ ๆ ก็อาจจะต้องถือสัญญากันไปยาว ๆ ข้ามวัน ข้ามคืน แต่ก็อาจจะสร้างกำไรได้มากกว่า หรือน้อยกว่า ก็ได้ แต่ที่แน่ ๆ ใช้เวลามากกว่าแน่นอน 

เบื่องานประจำ ลาออกมาเทรดดีกว่า




คุณคงเคยนั่งคุยกับเพื่อนนักเทรดมาบ้างว่าในการเทรดไม่ได้ต้องการร่ำรวยอะไรเลย เพียงแค่ต้องการที่จะหารายได้เสริมเท่านั้น เพราะเห็นว่าการเทรดค่าเงินก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับพวกเขาได้ และมีโอกาสสูงที่นักเทรดกลุ่มนี้จะสามารถสร้างรายได้เสริมได้ตามเป้าหมายได้ด้วย

ถามว่าทำไม ? จึงคิดว่านักเทรดกลุ่มนี้จะประสบความสำเร็จจากการเทรดได้ เพราะเพียงแค่คิดว่ามันเป็นเพียงรายได้เสริม พวกเขาก็ลดความโลภไปได้มากแล้ว นั่นเพราะไม่ได้คิดว่าการเทรดจะเป็นแหล่งทำให้พวกเขาร่ำรวย และแน่นอนพวกเขารู้ดีว่าตลาดการเทรดค่าเงินมีความเสี่ยงเกินกว่าที่จะมุ่งหวังความร่ำรวยที่มั่นคงได้เพราะมีองค์ประกอบมากมายเหลือเกินที่ยังต้องเรียนรู้กันต่อไป ด้วยเงื่อนไขที่พวกเขามีเงินทุนจำกัด และมีเวลาในการเทรดไม่มาก แต่ที่พวกเขามีนั่นคือ “วินัย” จึงทำให้เกิดรายได้เสริมได้ไม่มาก แต่ก็ไม่ยากเลย ขอให้ทุก ๆ ครั้งที่เทรดสร้างกำไร 1-3% ได้ก็เพียงพอแล้ว

แต่สำหรับผู้ที่นักเทรดแบบเต็มเวลา ไม่ได้มีช่องทางการสร้างรายได้ทางอื่นนอกจากการเทรด ก็จะมีอารมณ์แตกต่างกันไป ดังนั้นความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงต้องมาแบบเต็มร้อย ทั้งเงินทุน ความมีวินัย การควบคุมความโลภ การจำกัดความเสี่ยง การบริการจัดการการเงิน การเช็คข่าวสารในแต่ละช่วงเวลา ทั้งหมดนี้ต้องมาให้หมด และต้องมีให้พร้อมด้วย ในส่วนนี้นักเทรดจะรู้แล้วเป็นอย่างดีเมื่อเขาพร้อมก็ลงสนามกันได้เลย

มาต่อกันที่นักเทรดผู้ทำงานประจำกันสักหน่อย แน่นอนว่าการทำงานกับคนหมู่มากปัญหาก็มากตามไปด้วย ผู้คนก็ต่างพากันมองหาช่องทางอื่น ๆ ที่จะให้ตัวเองประกาศอิสระภาพทางการเงินให้ได้ ซึ่งการเทรดค่าเงินก็เป็นอีกทางที่มีคนกลุ่มหนึ่งหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่ามันเป็นไปได้สำหรับชีวิตของเขา เขาฝันว่าเขาจะเที่ยวไปในทุก ๆที่ พร้อม ๆ กับการเทรดค่าเงินไปด้วย ทำงานและทำเงินได้ทุกที่ที่เค้าต้องการ อยากไปไหน อยากกินอะไร อยากทำอะไร อยากมีอะไร ก็ทำได้โดยที่ไม่มีใครมาต่อว่าอีกต่อไป 

ก็ไม่อยากระบุว่าคิดผิด หรือคิดถูก เพราะก็มีเทรดเดอร์ที่สามารถทำได้อยู่จำนวนหนึ่งซึ่งเราก็พอจะเห็นได้ตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ และมีอีกจำหนึ่งและมากด้วยยังไม่สามารถทำได้ แต่อยากทำได้ สิ่งที่อยากเขียนไว้ตรงนี้ก็คือให้เรามีรายได้หลาย ๆ ช่องทางดีกว่า แล้วชีวิตนักเทรดของคุณจะมีความสุข มีรายได้จากงานประจำส่วนหนึ่ง มีรายได้จากการเทรดส่วนหนึ่ง มีรายได้จากการขายสินค้าส่วนหนึ่ง เมื่อนำมารวมๆ กันก็จะมากไปเอง คุณก็จะทำในสิ่งที่คุณต้องการได้เหมือน ๆ กัน แต่งานประจำอาจถูกจำกัดด้วยเวลาเท่านั้นเอง

การมีรายได้จากการเทรดเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงในระดับสูง เพราะก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ามันเอาแน่นอนไม่ได้ ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าอยู่ในตลาดนี้มาแล้วเป็นเวลานาน ก็ยังพลาดได้เหมือนกัน สังเกตว่านักเทรดเก่ง ๆ จะให้ความรู้ทางด้านวินัย ความโลภ และจิตวิทยากันเป็นส่วนใหญ่ เพราะสำคัญกว่าการที่คุณมีเงินมากเสียอีก เพราะยิ่งมีมากเวลาเสียก็มากตามไปด้วย และเค้าก็มักจะไม่ค่อยอยากจะสอนผู้ที่มีความโลภมากเท่าไร เพราะเทรดยังไงก็ขาดทุนเข้าให้สักวัน นักเทรดกลุ่มนี้มักจะไม่ค่อยฟังใครเสียด้วย

มาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะแนะนำให้การเทรดเป็นเพียงช่องทางในการหารายได้เสริมจะดีกว่า เพราะการที่เรามีความรู้ในเรื่องของการเทรดค่าเงินติดตัวไว้ ก็จะทำให้เราได้เปรียบผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านอยู่แล้ว เมื่อเราพร้อม สัญญาณการเทรดมา เปิด order สร้างกำไร 1-10$ ได้ ก็ไม่ขี้เหร่แล้วครับ สำหรับรายได้เสริม

เทรดด้วย DEMO ก่อนไม่ดีตรงไหน






ในบทความนี้จะมาขยายความในเรื่องของการเทรดด้วย DEMO แบบเต็ม ๆ สักหน่อย เพราะบทความก่อน ๆ เขียนไว้ประปรายไม่ได้เข้าถึงมากมายนัก

เชื่อว่ามีหลาย ๆ คนมักจะได้รับข้อมูลมาว่าให้เทรดเงินจริงไปเลย เพราะเชื่อได้เลยว่าให้ความรู้สึกต่างกันมากหรือเทียบกันไม่ได้เลย อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่าลืมว่านักเทรดหน้าใหม่มักจะขาดทุนกันซะมากกว่าเพราะขาดความรู้ วินัย และประสบการณ์ เวลาขาดทุนเงินจริงก็หมดไป ยิ่งเป็นเงินร้อนด้วยแล้วละก็ ให้ความรู้สึกต่างกับเงินเย็น หรือเงินปลอมแบบออกอาการที่เห็นได้ชัดเลย ดีไม่ดีก็จะออกแนวโทษสิ่งรอบข้างซะมากกว่าจะโทษตัวเองที่ขาดความรู้ด้วยซ้ำไป

ถ้านักเทรดอยากรู้ว่าความรู้สึกในสนามเงินจริงเป็นอย่างไรก็สามารถพิสูจน์ได้ เพื่อรับความรู้ หรือความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามาให้เต็มที่ ในยามที่ขาดทุนอย่าได้พยายามเอาคืนเด็ดขาด ให้พยายามหยุดตนเองให้ได้ แล้วกลับมาตั้งหลักกันใหม่เรียนรู้อย่างจริงจังด้วยระบบ demo ไปก่อนสักพักใหญ่ ๆ จนคุณได้ระบบเทรดของตัวเอง ก็ค่อยเริ่มเติมเงินในพอร์ตก็ยังไม่สายนี่นา

บางคนที่เทรดด้วยระบบ demo ก็มักจะ overtrade เพื่อต้องการเห็นเงินก้อนโต หรือกำไรมาก ๆ ให้พอขำ ๆ ไปวัน ๆ (ก็ไม่รู้จะหลอกตัวเองไปทำไม) นักเทรดต้องใช้ระบบ demo ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เรามาดูกันว่าจะซ้อมมือกันยังไงดี

  • เริ่มจากการตั้งโจทย์ขึ้นมาก่อนว่าเราจะเทรดด้วยวิธีไหน เช่น เทรดข่าว , เทรดด้วย EA , เทรดด้วยอินดิเคเตอร์ , เทรดด้วยกราฟเปล่า , เทรดด้วยการเช็คราคา ก็ให้เลือกมาสักอย่าง 
  • เริ่มบริหารจัดการการเงินหรือที่เราเรียกกันว่า MM นั่นแหละ 
  • เติมเงิน demo ก็ให้เติมให้เท่า ๆ กับที่เราคิดว่าเราจะลงทุนจริง ๆ 100$ 200$ หรือ 500$ ก็ว่ากันไป 
  • เปิด lot แรกเริ่มต้นที่ 0.01 , 0.03 , 0.05 ก็คำนวณไปตามเงินทุน โดยส่วนใหญ่แนะนำให้นำ 3,000 ไปหารเงินทุนจะได้ lot ที่เหมาะสม
  • การออก order จะออกตามสัญญาณไหน ก็ต้องมีวินัย ไม่เห็นสัญญาณชัดเจน เราจะไม่ออก order หรือจะไม่กด call หรือ put ใด ๆ ทั้งสิ้น นั่งมองอย่างเดียว
  • เมื่อเห็นสัญญาณก็ให้กดออด order ไปตามนั้น ถ้ากราฟวิ่งไปแล้วถูกทางเป็นอันว่าสัญญาณที่เฝ้ารอถูกต้อง
  • การปิดกำไร หากเป็น Binary option ที่ถูกกำหนดด้วยช่วงเวลาก็หายห่วงไม่ต้องลุ้นมากนัก และหากเป็น forex ก็อย่าได้โลภนั่งรอกำไรอีกนิด กำไรอีกหน่อย ได้พอสมควรแล้วก็ปิดได้เลย เป็นต้น

หากสัญญาณที่คุณพยายามฝึกฝน ให้แนวโน้มทำกำไรได้ ก็อย่าได้ชะล่าใจคิดว่านี่ละเจอแล้ว ให้คุณฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ หากไม่รีบมาก ก็ 3 เดือน – 1 ปีเลยก็ได้ ไม่ได้ประชดหรือโอเวอร์อะไรนะครับ เพราะแต่ละช่วงเวลามันจะต้องผ่านข่าวดี ข่าวร้ายที่มากระทบกับค่าเงินโดยตรงอีกมาก ซึ่งเทคนิคต่าง ๆที่คุณเพียรพยายามฝึกฝนมา มันจะถูกทำลายลงทั้งหมดด้วยข่าวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน 

ดังนั้นนอกจากการฝึกฝนวินัยและความโลภแล้ว ยังต้องแพรวพราวไปด้วยกลยุทธ์ของการแก้ไขพอร์ตในรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วย อย่าลืม!! จดบันทึกการเทรดด้วยทุกครั้ง เพราะพรุ่งนี้คุณก็จะลืมเมื่อวานไปแล้วว่าเทรดอย่างไร ได้เพราะอะไร เสียเพราะอะไร แล้วกลับมานั่งอ่าน นั่งวิเคราะห์ดู บางทีคุณอาจจะพบว่า คุณทำผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ โดยยังไม่แก้ไข หรืออาจจะเจอจุดที่ทำกำไรได้อยู่ตลอด แต่คุณลืมมันไปแล้วนั่นเอง

คุณแค่เพียงจำลองเหตุการณ์ให้เหมือนจริง คุณก็จะได้สัมผัสกับความรู้สึกจริง ๆ ด้วยเช่นกัน เวลาขาดทุนอย่างน้อยเงินจริง ๆ ก็ยังอยู่ในกระเป๋าเรา แต่เวลากำไรก็ถือว่าได้ความรู้ติดตัวต่อยอดในวันข้างหน้าได้ด้วย

จะให้ระบบช่วยเทรด หรือเทรดด้วยตัวเอง







เคยอ่านหนังสือที่นักเทรดฝรั่งเคยเขียนไว้ว่า เทรดเดอร์ที่ให้ระบบหรือ EA ช่วยในการเทรดมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่านักเทรดที่เทรดด้วยตัวเอง จริงหรือไม่ ? ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลาย ๆ อย่าง 

นักเทรดที่ชอบการเทรดด้วยตัวเอง พวกเขาจะมองตลาดในแต่ละวันด้วยวิธีใหม่ ๆ อยู่เสมอ บางคนเข้าไปดูกราฟเฉพาะช่วงเวลาที่มีข่าวเท่านั้น ก็เพียงพอในแต่ละวัน จากนั้นก็มาปรับพฤติกรรมการเทรดว่าวันนี้จะเทรดไปในทิศทางใด จะเข้าเทรดในช่วงเวลาไหน เพื่อที่จะทำกำไร หรือมองแล้วว่าวันนี้ไม่มีสัญญาณเข้าเทรดเลย พวกเขาก็จะไม่เทรดด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งอย่างที่เทรดเดอร์จะไม่เทรดก็คือในเรื่องของอารมณ์หากสำรวจตนเองแล้วพบว่าอาจจะใช้ความโลภเข้ามาเทรดด้วย พวกเขาก็อาจจะเลือกที่จะไม่เทรดดีกว่า เพราะความเสี่ยงมันเกิดขึ้นตั้งแต่จับได้ว่าตนเองมีความโลภแล้ว

ส่วนนักเทรดที่ใช้ระบบเข้าช่วยในการเทรด ก็คงจะไม่ต้องมีอารมณ์เข้าร่วมในระหว่างเทรดมากเท่าไร เพราะระบบก็ทำงานของมันไป เพียงแต่จัดการบริหารการเงินก่อนการเข้าเทรดเท่านั้นเอง แล้วก็นั่งดูระบบทำงาน อาจจะไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวันก็ได้ เพียงย้อนมาดูบ้างบางคราว หากเข้าเงื่อนไขระบบก็เดินหน้าค่อย ๆ เก็บสะสมกำไรให้กับนักเทรดไปเรื่อย ๆ หากไม่เข้าเงื่อนไขใด ๆ ระบบเองก็อาจจะไม่เปิด order ให้คุณด้วยเช่นกัน ก็ถือว่าเงื่อนไขที่คุณเขียนไว้ เสมือนหนึ่งคุณได้เทรดด้วยตนเอง แต่สามารถเอาเวลาไปทำสิ่งอื่น ๆ ได้อีกในระหว่างวัน

ทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การใช้ระบบเทรดความตึงเครียดทางอารมณ์จะน้อย เพราะไม่ต้องมาพะวงกับราคาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เมื่อนักเทรดได้สร้างระบบขึ้นมาเทรดแล้ว ก็ย่อมมีความเชื่อมั่นในระดับสูงด้วยเช่นกัน แต่หากสร้างมันขึ้นมาแล้วนักเทรดกลับไม่มีความมั่นใจใด ๆ เลย ก็อย่าได้ไปใช้ระบบนั้น กลับมานั่งเทรดด้วยตัวเองจะดีกว่าเพราะยังไงก็ยังคงต้องนั่งเฝ้ากราฟและตัดสินใจเปิด-ปิด order ด้วยตนเองอยู่ดี 

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จะลงมือเทรดด้วยตนเองจากประสบการณ์ที่เค้ามี เพราะจะทำให้ตัดสินใจปิด order ได้ทันทีที่รู้ว่าเค้าเข้าผิดทางเสียแล้ว การตัดสินใจด้วยตัวเองก็จะทำให้รู้อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้มากขึ้น 

แต่มีเทรดเดอร์หรือนักเทรดจำนวนไม่น้อยที่แม้แต่รู้ว่าผิดทางก็ยังดันทุรังสู้ต่อไป และใช้ระบบการเบิ้ล lot เข้าไปเรื่อย ๆ เพียงเพราะหวังว่าเดี๋ยวกราฟก็คงจะกลับตัวมาทำกำไรให้ จนลืมดูว่า ณ ขณะนั้นกราฟเป็นเทรนด์ไปแล้ว อย่างมากก็จะเพียงย่อตัวมาเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้นักเทรดขาดทุนอยู่นั่นเอง แบบนี้คงต้องฝึกฝนเรื่องวินัย และความโลภกันอีกนานเลยทีเดียว เพราะคุณไม่ใส่ใจในเรื่องของแนวโน้มเลย คิดเพียงแค่ว่ากราฟมันก็วิ่งขึ้น เดี๋ยวมันก็วิ่งลง เบิ้ล lot เข้าไป เดี๋ยวมันก็วิ่งมาชนเส้น tp เอง คิดแบบนี้ มีแต่ขาดทุนครับ

ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีใดก็ตาม ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปการผสมผสานให้เกิดความลงตัว และหมั่นปรับปรุงข้อด้อยอยู่เสมอ บางทีอาจจะทำให้เห็นช่องทางใหม่ ๆ ได้

ก่อนใช้ indicator ทำความเข้าใจให้ชัดเจน






Indicator หรือ Indy ที่มีให้ใช้แบบฟรี ๆ ในระบบหลายสิบตัวก็ถือได้ว่าเป็นตัวช่วยในการระบุแนวโน้มและการกลับทิศของกราฟได้ หลาย ๆ คนมีความถนัดมากกว่าที่จะดูจากกราฟเปล่า ๆ เพราะอินดิเคเตอร์จะเหมือนตัวช่วยตีความและวิเคราะห์ราคา รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะการของกราฟในขณะนั้นให้กับเราได้

ก่อนที่จะเลือกใช้อินดิเคเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งหรือหลาย ๆ ตัว เพื่อขจัดความเสี่ยงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักเทรดต้องทำความเข้าใจกับพวกมันก่อน เพราะหากเลือกใช้ผิดจะเกิดความขัดแย้งอย่างมีนัยยะสำคัญขึ้นทันที อินดิเคเตอร์บางตัวให้สัญญาณแม่นยำเฉพาะตลาดที่มีแนวโน้ม บางตัวให้สัญญาณในตลาด Sideway แบบกราฟสวิงไปมาสั้น ๆ ได้ดี คุณต้องหาเหตุผลและวิธีการใช้งานให้ได้ก่อนที่จะเลือกใช้มัน หรือหากนำมันมาผสมผสานเข้ากันก็ต้องรู้ว่ามันเหมาะกับตลาดแบบไหน หรือกรอบเวลาช่วงไหนด้วย

ในตลาดที่มีความซับซ้อน และปัจจัยทางเศรษฐกิจก็เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ผู้ที่มีประสบการณ์หลาย ๆ คนอาจจะเลือกใช้ Indicator น้อยตัว หรือเทรดแบบกราฟเปล่าไปเลย เพราะว่าเพียงเห็นกราฟหรือราคาก็สามารถหาจุดเข้า order ได้แล้ว แต่สำหรับนักเทรดมือใหม่การที่จะไม่ใช้ตัวช่วยใด ๆเลยดูจะเป็นเรื่องยากจนท้อใจ ดังนั้นให้เลือกใช้ Indicator ที่เราเข้าใจที่สุดก่อนและดูร่วมกันกับกราฟราคา เชื่อว่าหากคุณดูมันบ่อย ๆ หลาย ๆ ชั่วโมงต่อวัน นักเทรดก็จะจับสัญญาณจากแท่งเทียนได้เองเช่นกัน ถึงวันนั้นก็คงจะค่อย ๆ ถอดอินดิเคเตอร์ ออกไปจนเหลือเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น

อินดิเคเตอร์แบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1.อินดิเคเตอร์แบบตามแนวโน้ม  Trend  Following Indicator 
2.อินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกการแกว่งของราคา Oscillator 
3.อินดิเคเตอร์กลุ่มอื่น

1.อินดิเคเตอร์แบบตามแนวโน้ม  Trend  Following Indicator จะให้สัญญาณได้แม่ยำเมื่อตลาดกำลังเคลื่อนไหวหรือมีแนวโน้ม แต่จะด้อยคุณภาพมาก ๆ หากตลาดอยู่นิ่งไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว หรือภาวะ Sideway ให้คุณลองมองหา indicator ซัก 1 ตัวที่คุณเข้าใจมัน มันจะให้สัญญาณประเภทที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับราคาหรือเกิดขึ้นภายหลังราคา พวกมันจะมีการกลับตัวหลังจากที่แนวโน้มได้เกิดทิศทางกลับทิศไปแล้วสักพัก

2.อินดิเคเตอร์ที่บ่งบอกการแกว่งของราคา Oscillator ให้สัญญาณที่เร็ว และเกิดขึ้นก่อนราคาหรือเกิดขึ้นพร้อมกันกับราคา ซึ่งมักจะมีการกลับตัวก่อนหน้าของราคาด้วย แต่อาจจะให้สัญญาณเร็วเกินไปจนพากันรีบเข้า order และอันตรายเมื่อตลาดเริ่มต้นที่จะเกิดแนวโน้ม 

3.อินดิเคเตอร์กลุ่มอื่น ที่บ่งบอกราคาสูงสุด หรือต่ำสุดของวัน ภาวะหมี หรือภาวะกระทิง อัตราส่วนของ option put call หรือจะนำหลาย ๆ ตัวมาผสมผสานกันแล้วมาใช้ก็ได้ เพราะนักเทรดอาจจะต้องการให้ข้อดีของอินดิเคเตอร์บางตัวไปทำลายข้อเสียของบางตัว ส่วนใหญ่อินดิเคเตอร์จำพวกนี้ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงสักหน่อยในการจับแต่ละตัวมาผสมผสานกัน มีทั้งแจกฟรี และเสียเงินนะครับ แต่หากไม่เข้าใจก็ไม่สามารถทำกำไรได้อยู่ดี

โปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครมาออกคำสั่งให้คุณต้องเทรดเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ ดังนั้นหากอินดิเคเตอร์ที่คุณใช้อยู่ยังให้สัญญาณไม่ชัดเจนก็อย่าได้รีบเข้า order โดยเด็ดขาด คุณอาจเคยได้ยินว่าสัญญาณหลอกมาบ้าง ซึ่งก็มันก็จะรวมกับคำว่าเราก็หลอกตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะความใจร้อน หรือความโลภก็ดี จึงทำให้เข้าผิดมากกว่าเข้าถูกอยู่ร่ำไป ถ้าไม่มีสัญญาณ เราก็ไม่เข้า อาจจะไปดูคู่เงินอื่น ๆ ที่มัสัญญาณชัดเจนกว่าหรือปิดหน้าจอไปเลยแล้วค่อยเทรดใหม่ก็ยังไม่สาย

ลิงค์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง http://www.binaryoptionee.com

ระบบเทรดเทพ ทำกำไรไม่อั้น





ระบบเทรดเทพ ทำกำไรไม่อั้น ได้ยินแบบนี้แล้วแทบจะกระโจนเข้าไปขอใช้ทำกำไรสัก 200% กันเลยทีเดียว ไม่ใช่ประชดนะครับ แต่มีจริง ๆ และเทพแห่งตลาดเทรดค่าเงินหลาย ๆ คนเค้าก็สงวนไว้ใช้เอง หรือไม่ก็เปิดคอร์สอนแบบเงียบ ๆ ใครจะมาเจอคอร์สที่ประกาศไว้หรือไม่ก็ตามเค้าอาจจะไม่ได้ใส่ใจประเด็นตรงนี้มากนัก เพราะเทรดเองก็มีกำไรอยู่แล้ว แต่การเปิดคอร์สสอนก็เป็นการสร้างรายได้อีกทางเท่านั้นเอง คล้าย ๆ กับว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศและเป็นการให้ความรู้กับผู้อื่นจากประสบการณ์ตรงที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานานด้วย 

บอกเลยได้ไหม๊ ? ไม่ต้องเก็บเงินได้หรือเปล่า ? !! .. อยากให้เข้าใจกับคำว่า “นักลงทุน” เมื่อมองเห็นโอกาสสร้างรายได้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเก็บเงินค่าความรู้ ค่าประสบการณ์ ค่าเสียเวลากันบ้าง หากจะให้โฉ่งฉางแบบการระดมทุนก็สามารถทำได้ แต่นักลงทุนที่ดีเค้าก็จะไม่ค่อยทำกัน เพราะรู้ดีว่าตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง และนักเทรดหน้าใหม่มักหัวใจวัยรุ่นอยากรวยเร็ว ๆ แบบข้ามวันข้ามคืน ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้หากคุณยังขาดองค์ความรู้อย่างแท้จริงในการเทรดอยู่ เพราะวันนี้คุณทำกำไรได้ ไม่กี่วันหรอกคุณก็ขาดทุนอยู่ดี ดังนั้นการเก็บเงินค่าคอร์สก็ดูจะเป็นความเหมาะสม เพราะผู้สอนเองก็ต้องสละเวลาส่วนหนึ่งในการสอนและติดตามผลงานของลูกศิษย์ด้วยเช่นกัน และหากสอนคนจำนวนมากหรือเขียน E-book ขาย ก็ดูจะเป็นการสื่อสารทางเดียวมากจนเกินไป หากดูแลไม่ทั่วถึงก็เกิดความเสียหายแก่ผู้สอนได้อีก ซึ่งไม่คุ้มกันเลย

ระบบเทรดที่สุดยอด ที่นักเทรดต่างตามหาก็อยู่ตรงหน้าพอร์ตของคุณทุกวันอยู่แล้ว แต่ประสบการณ์ต่างหากที่ต่างกัน เรียกง่าย ๆ ว่าความเก๋าเกมส์นั่นแหละ เพราะเทรดเดอร์เก่ง ๆ หลายคน เทรดกราฟเปล่า หลายคนเทรดตามข่าว และหลายคนใช้อินดิเคเตอร์ EMA เพียง 2 เส้นเท่านั้น

ให้เข้าใจง่าย ๆ กันอีกหน่อยก็คือ นักเทรดถนัดการเทรดแนวไหน ให้ตอบตัวเองให้ได้ก่อน ใช้กรอบเวลาไหนแล้วทำกำไรได้มากที่สุด ในช่วงเวลา 1-3 เดือน (ไม่ใช่เพียง 1 สัปดาห์นะครับ) ก็หมั่นศึกษาในส่วนนั้นต่อไป ส่วนไหนที่ยังผิดพลาดก็ให้จดบันทึกเอาไว้และพยายามแก้ไขไปที่ละจุด หรือว่าถนัดการเทรดกราฟเปล่าเพียงแค่ดูแท่งเทียนก็สามารถทำกำไรได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เพราะนั่นคือระบบการเทรดของนักเทรดเอง เพราะหากเรามัวแต่ฟังบรรดาเหล่าเทพบรรยายสรรพคุณของระบบของเค้า แต่เราไม่เข้าใจ เราก็ไม่สามารถทำกำไรแบบเค้าได้หรอก แล้วพาลจะไปบอกว่าระบบของเค้าไม่เอาซะดื้อ ๆ 

หาระบบเทรดให้ตัวเองจะเป็นการดีที่สุด และระหว่างการเทรดหากจะต้องมีการเปิด order เพิ่มเพื่อแก้พอร์ต หรือ cut loss ออกไป นั่นก็คือแนวทางของคุณแล้ว ที่เหลือก็คือการอาศัยประสบการณ์เข้าร่วม เพราะเทรดเดอร์ที่มากประสบการณ์จะสามารถบอกคุณเพิ่มเติมได้ในส่วนที่คุณขาดหายไป หากความรู้ที่ได้รับมานำมาผสมผสานกับระบบเทรดของคุณแล้วลงตัวพอดี นั่นก็ยิ่งเพิ่มความขลังของระบบเข้าไปได้อีก และยิ่งจะเรียกความมั่นใจในการเทรดได้มากเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว แต่อย่าลืมกฎข้อสำคัญของการเทรด ซึ่งนั่นก็คือ “รักษาวินัย และไม่โลภ” ระบบนี้สุดยอดที่สุดแล้วครับ


เมื่อความเครียดถามหานักเทรดผู้ขาดทุน





ถามว่าเครียดขนาดนั้นเชียวหรือ ? ก็ต้องมีบ้างแหละ บางคนเอาเงินร้อนมาเทรดแล้วก็ขาดทุนก็ต้องเครียดเป็นธรรมดา บทจะขาดทุนก็เกิดขึ้นได้แค่พริบตาเดียว แต่บทจะกำไรนั่งเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืนกว่าจะได้กำไรมาแต่ละเหรียญ

แต่ช้าก่อน .. อย่าเพิ่งขมวดคิ้ว .. ผู้ที่ทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอก็มีอยู่มากมาย และเค้าเหล่านั้นเข้าใจในความเสี่ยงเป็นอย่างดี จึงไม่นำเงินร้อนมาลงทุน เพราะรู้ดีว่าตลาดค่าเงินเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดังนั้นการเทรดแล้วขาดทุนอาจจะทำให้เงินหมดไป แต่พวกเค้าก็ไม่ได้เดือดร้อนมากมายนัก เพราะเป็นเงินเย็น เงินที่หมดไปแล้วพวกเค้าก็คิดเพียงแค่ว่าเป็นการซื้อความรู้ และพวกเค้าพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งไม่ยากจนเกินไป ความเครียดจึงไม่ได้มากเท่ากับนักเทรดที่นำเงินร้อนมาลงทุน


มาดูกันว่านักเทรดที่นำเงินร้อนมาลงทุน และขาดทุนในตลาดค่าเงิน จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
  • ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสกับครอบครัว และเพื่อนฝูง หรือคนรอบข้าง
  • มีหน้าตาอมทุกข์แทบจะตลอดเวลา
  • ไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือกระทำสิ่งใด ๆ ในชีวิตประจำวัน
  • คิดแต่จะหาวิธีเอาคืนตลาดให้ได้ แต่ก็โดนตลาดเอาคืนทุกครั้ง เพราะขาดวินัย และความรู้
  • ต้องการรู้วิธีทำกำไรเยอะ ๆ ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดให้ได้
  • เกิดการหมุนเวียนบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสดในการชำระหนี้
  • ไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่การงาน มุ่งแต่จะหาวิธีทำกำไรอย่างเดียว
  • ยอมอดหลับ อดนอน เพื่อนั่งเฝ้ากราฟ และหวังเพียงจะเอาคืนให้จงได้ เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น นักเทรดหรือเทรดเดอร์เคยอยู่ในภาวการณ์แบบนี้ย่อมรู้ดีว่าเป็นเช่นไร เมื่อความเครียดถาโถมเข้ามาแล้ว ในวินาทีนั้นนักเทรดอาจจะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมาแล้วนี้ก็ได้


ทีนี้เรามาจัดการกับความเครียดกันสักหน่อย 
  • หายใจเข้าปอดลึก ๆ หลาย ๆ ครั้ง อย่างช้า ๆ
  • ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือลงซะ แล้วนั่งตัวตรง ๆ สักพัก จากนั้นลุกขึ้นแล้วออกไปจากสภาวการณ์นี้เสีย อาจจะดื่มน้ำเย็น ๆ หรือล้างหน้าก็ได้ จะได้สดชื่น
  • อย่าเพิ่งเข้าไปดูในกลุ่ม หรือในบอร์ดต่าง ๆ ว่าเค้าคุยอะไรกัน เพราะบางทีเราอาจจะเจอคนที่กำไรโชว์ผลกำไรอยู่ จะทำให้เครียดหนักเข้าไปอีก
  • ไม่ว่าจะมีน้อยคนที่ขาดทุนเหมือนเรา หรือไม่มีเลยก็ตาม ก็อย่าไปคิดเพราะเค้าเหล่านั้นไม่ใช่ตัวเรา อย่าไปหาพวกพ้องเพื่อปลอบใจตัวเองจนเกินไป เพราะจะทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง
  • ให้คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว หากตั้งสติได้ ลองกลับมาคิดทบทวนว่าเราขาดทุนเพราะอะไร เรา Over Trade หรือไม่ เราบริหารจัดการในเรื่องของ Money Management แล้วหรือยัง แล้วก็พยายาที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก หรือระมัดระวังในจุดนี้มากขึ้นนั่นเอง
  • ออกจากตลาดไปสักพัก หากิจกรรมอื่น ๆ ทำบ้าง เช่น การออกกำลังกาย หรืออ่านหนังสือธรรมมะ
  • หากเงินที่หายไปกับตลาด ทำให้ภาวะเศรษฐกิจในครอบครัวแย่ลง ก็ให้ลงมือวางแผนใหม่โดยคิดว่าจะประหยัดส่วนไหนได้บ้าง 
  • ให้คิดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นการซื้อบทเรียน ซื้อประสบการณ์ และมันจะทำให้เราแข็งแกร่งในครั้งต่อไป


Expert Advisors (EA) ตัวช่วยนักเทรด






เรามักจะคุ้นชินกับคำว่า EA หรือ ROBOT กันมากกว่า และเชื่อว่าหลาย ๆ คนเข้ามาในตลาด Forex แรกสุดเลยก็คือการให้ EA เป็นตัวช่วยในการเทรด เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการเทรด เมื่อลงโปรแกรมและติดตั้ง EA เรียบร้อยแล้ว เราก็ปล่อยให้ EA เทรดแทนเราได้เลย มันจะคอยเปิด order ตามโปรแกรมที่ถูกเขียนไว้ และปิด order ตามสัญญาณที่ผ่านการคำนวณมาแล้วด้วยเช่นกัน

EA มีหลากหลายประเภทนับไม่ถ้วน เพราะผู้ที่มีความสามารถในการเขียนก็เขียนไปตามเงื่อนไขที่ตนเองต้องการ ก็คือใส่เงื่อนไขของอินดิเคเตอร์เข้าไป และให้ EA ทำงานตามเงื่อนไขนั้น เพราะผู้เขียนไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้ากราฟด้วยเหตุผลนานาประการ จึงทำให้ต้องใช้งาน ROBOT แทน 

EA ก็คือโปรแกรมทำงาน ทำเงินแทนคนอย่างเรา ๆ นี่แหละครับ EA ที่สามารถทำเงินได้จริงและได้กำไรในระยะยาวก็ยังพอมีแต่มีน้อย และตามสถิติ อย่างเก่ง EA ที่ว่าดีที่สุดหรือเก่งที่สุด ก็ทำกำไรได้อย่างมากประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นก็อาจจะทำกำไรได้น้อยลงหรือล้างพอร์ตก่อน 6 เดือนก็มีอยู่มากเช่นกัน 

หลายคนเริ่มต้นจากใช้ EA ในการเทรด แรก ๆ ทำกำไรได้อย่างมาก มากกว่า 50% ต่อวันเลยทีเดียว และ EA สามารถเปิดให้เทรดกี่พอร์ตก็ได้เท่าที่เราต้องการ จึงทำการจัดเต็ม 4-5 พอร์ต ปรากฏว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มีข่าวนอกตารางทำให้ลากไปล้างจนสะอาดหมดจดทุกพอร์ต เพราะเราชะล่าใจว่ายังไงแล้วก็วางใจกับ EA ได้ แต่พอเราวางใจ ไว้ใจแล้วก็สร้างความเสียหายเหลือคณานับให้เราได้ด้วยเช่นกัน

หลายคนหวังไว้ว่า จะให้เจ้า EA นี่แหละเป็นตัวช่วยสร้าง Passive Income ให้ ตัวไหนที่เค้าว่าดีก็ถาโถมเข้าไปใช้ด้วยโดยไม่ได้ทดสอบด้วย DEMO ซะก่อนสัก 1 เดือน เพราะอยากมีรายได้เร็ว ๆ หากมัวใช้ DEMO ก็จะเสียโอกาสทำเงินไปอีก 1 เดือน อีกอย่างหนึ่งเงินที่นำมาเทรดก็เป็นเงินร้อน พอสิ้นเดือนใบแจ้งหนี้ก็ตามมาติด ๆ จึงทำให้มองข้ามการทดสอบไป เข้าไปเทรดด้วยเงินจริงเลยทันที หาตลาดเป็นไปตามเงื่อนไขที่ EA เขียนไว้ก็เป็นอันปิดกำไรสวย ๆ กันไป แต่หากโชคไม่ดีตลาดไม่เป็นไปตามเงื่อนไข แต่ EA ก็ยังเปิด ORDER ให้ เพราะชนกับเงื่อนไขบางอย่างเข้าก็ทำให้ล้างพอร์ตได้ง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน

ที่เขียนบทความออกมาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าการเลือกใช้ EA จะไม่ดีเสมอไป เพราะถึงแม้ว่าเราเทรดเองก็ล้างพอร์ตเอาง่ายๆเหมือนกันนั่นแหละ ดีไม่ดีล้างง่ายกว่า EA ด้วยซ้ำไป เพราะควบคุมความโลภไม่ได้ จ้องจะเอาคืนอย่างเดียว ดังนั้น ผู้ที่มี EA เทพ ๆ อยู่ในมือเค้าอาจจะไม่อยากเปิดเผยก็อาจเป็นได้ เพราะเก็บไว้ทำกำไรคนเดียวชิว ๆ ดีกว่าเป็นไหน ๆ การที่จ้องแต่จะหากำไรจากการขาย EA เพียงอย่างเดียว อาจสร้างปัญหาตามมาได้ หากผู้นำไปใช้ OVER TRADE แล้วผลที่ตามมาก็มาต่อว่า EA พาไปล้างพอร์ตเอาดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ใช้งานมานานแสนนานก็ยังทำกำไรได้ทุกวัน แต่อาจจะไม่มาก แต่กำไรน้อยก็คือกำไรนั่นแหละครับ 

Over Trade ตาดีได้ ตาร้ายเสีย




เป็นที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่ง ผู้คนที่เข้ามาในตลาดเทรดค่าเงินใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Binary Option หรือ Forex ส่วนใหญ่มักจะได้กำไรกันทั้งสิ้น (ขอใช้คำว่าส่วนใหญ่) จึงทำให้เค้าเหล่านั้นมันจะฮึกเฮิมและคิดว่าก็ไม่ได้ยากอย่างที่ใคร ๆ เค้าว่ากันนี่นา

แต่พอถามว่าใช้ระบบอะไรในการเข้าทำกำไร หมายถึง อินดิเคเตอร์ตัวไหน หรือดูกราฟเปล่า เค้ากลับไม่สามารถบอกเราได้เลย หรืออาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่าอินดิเคเตอร์คืออะไร เพราะเข้ามาด้วยคำว่าโชคช่วย หรือมีดวงทางด้านนี้เท่านั้น จึงไม่ให้ความสำคัญกับเทคนิคต่าง ๆ เท่าใดนัก และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของการ Over Trade นำพาไปสู่หายนะในอนาคตอันใกล้

สมมติว่ามี 100$ ในพอร์ต ออก order 0.03 แล้วโชคดีถูกทาง แต่เห็นว่าไหน ๆ เราก็ถูกทางแล้ว 0.03 ได้กำไรนิดเดียวเอง ยังไม่พอค่า internet เลย ไหนจะเสียเวลามาเฝ้าอีก เลยจัดหนักที่ order 5.0 ทันที พระเจ้าเข้าข้าง ถูกทางอีก กำไร 10$+ ... อัดเข้าไปอีก กำไร 20$+ ทีนี้แหละความลำพองเกิดขึ้นในใจทันที คิดว่าตัวเองมีความสามารถสูง ทำกำไรได้ง่ายเหลือเกิน ความกระหายกำไรเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ บางคนตื่นเต้นต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ด้วยว่า “ฉันสามารถหาเงินได้ง่าย ๆ ไม่กี่นาทีมากกว่า 20$+ ต่อวัน” กันเลยทีเดียว

ลักษณะของเทรดเดอร์มือใหม่ จะเป็นอย่างไรบ้าง เรามาดูกัน
เฝ้าหน้าจอแทบจะตลอดเวลา ไม่ต่ำว่า 12+ ชั่วโมง หากเป็นตลาด Binary Option วันเสาร์ – อาทิตย์สามารถเทรดได้ ก็จะเฝ้าอยู่เช่นนั้น หรือหากเป็นตลาด Forex ที่ปิดวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็ยังคงนั่งดูอยู่เช่นนั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวเข้าตลาดอีกครั้งในวันจันทร์ บางคนตี 4 ก็เปิดพอร์ตมาดูกันเลย

พยายามหาแหล่งข้อมูล หรือเทรดเดอร์ที่เก่ง ๆ หรือกลุ่มที่พูดคุยเกี่ยวกับ forex หรือ Binary Option เพื่อเก็บข้อมูลให้มากที่สุด และนำมาปรับใช้กับการเทรดของตนเองต่อไป โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันหมดไปกับข้อมูลเหล่านี้

ต้องการที่จะรู้วิธีการทำกำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือสิ่งใด ๆ ก็ตามที่มีความเกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาน้อยที่สุด แต่บอกตัวเองว่าต้องรู้ให้มากที่สุด

มองหาระบบเทพ ที่กูรูมักจะบอกว่า เค้าก็ใช้ระบบนี้ แต่คุณต้องผ่านเงื่อนไขบางอย่างก่อน จึงจะใช้ระบบนี้ได้ นักเทรดก็ใจอ่อนตามเค้าไปเพราะพอร์ตเค้าโชว์พอร์ตกำไรอยู่ตลอดเวลา

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ตัวนักเทรดเองอาจเคยผ่านมาแล้วทั้งหมด หรืออาจจะมีประสบการณ์ยิ่งกว่านี้ก็อาจเป็นได้ ถามว่า อะไรเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นักเทรด overtrade กันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ดีว่าตลาดเทรดค่าเงินก็ยังอยู่ให้เราเข้ามาประลองฝีมือ และทำกำไรกันได้แทบจะทุกวันในบางตลาด คำตอบก็คือ “ความโลภ” นักเทรดยังไม่สามารถเอาชนะความโลภในใจได้ นั่นก็หมายถึงนักเทรดขาดวินัยในการเทรดอย่างรุนแรง 

หากนักเทรดตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะทำกำไรเพียงวันละ 2-3% หากสามารถทำได้แล้วจะหยุด ก็ขอให้หยุดได้ตามนั้น มิใช่ว่าขยับเป้าหมายออกไปเรื่อย ๆ เพราะนั่นหมายถึงว่าคุณมีความจำเป็นที่จะต้อง overtrade เข้าไปด้วย และอารมณ์ ณ ขณะนั้น หากผิดทางขึ้นมาแล้วละก็จะเรียกได้ว่าอาจจะกู่ไม่กลับกันเลยทีเดียว เพราะความอยากเอากำไร 2-3% นั่นคืนมา แต่ก็ทำได้ยากเสียแล้ว 

การมีวินัย เอาชนะความโลภได้ เป็นสิ่งสำคัญ 
การ overtrade หากไม่ชัวร์พอ ก็ไม่ต่างกับการพนัน ตาดีได้ ตาร้ายเสีย

การเทรดค่าเงิน คืออิสระทางการเงินจริงหรือ แล้วจะเริ่มต้นยังไงกันดี




แน่นอนว่าเทรนด์มาแรงแห่งปีที่ไม่น้อยหน้าใคร คือ อิสระทางการเงิน การหารายได้เสริม ที่โด่งดังในโลกออนไลน์ก็จะเป็นการเทรดค่าเงิน ซึ่ง forex มาแรงมาก ด้วยความที่หลาย ๆ คนต้องการอิสระทางการเงิน การระดมทุนเพื่อจ่ายเงินปันผล หรือดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกเป็นรายวัน รายเดือน จึงเกิดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด และอ้างว่านำเงินไปเทรดในตลาด forex แรก ๆ จะจ่ายปันผลดี และตรงตามเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไปสักพัก ก็จะมีการหยุดจ่าย หรือสุ่มจ่ายเฉพาะบางคน และไม่จ่ายเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าเทรดเสีย หรือล้างพอร์ต ไม่มีเงินมาจ่ายปันผลอีกต่อไป คนเหล่านี้คิดมาแล้วว่าเล่นกับความโลภของคนมันง่าย และคนเราก็ลืมไปว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ

ถ้าเราอยากรู้ว่าตลาด forex หรือตลาดการเทรดค่าเงินยากหรือง่าย ก็ให้เราลงมือเทรดเองจะดีกว่า เลือกโบรคเกอร์ และทำการกรอกเอกสารต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากมากเกินความสามารถ และยังไม่ต้องเติมเงินเข้าพอร์ตจริงหรอก เปิดบัญชี demo เทรดเลย ... อ้าว !! เทรดเลยหรอ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยเนี้ยะนะ !! ... ตอบว่า “ใช่” กดเข้าไปเลย เพื่อจะได้รู้ตัวเองว่าคุณชอบให้แนวทางนี้เป็นอิสระทางการเงินของคุณในอนาคตหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ “ใช่” เชื่อว่าคุณจะต้องคิดและบอกตัวเองว่า “เอาหละ ต่อไปนี้จะศึกษาการเทรดอย่างจริงจังแล้วนะ” 

การเทรดค่าเงิน หรือการเทรดหุ้นก็เช่นเดียวกัน คุณอาจจะเข้ามาเพราะกระแสบอกว่าใช้ EA ก็ทำกำไรได้แล้ว หรือ Copy trade ก็ทำกำไรได้เช่นเดียวกัน อันนี้ไม่เถียง แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า ยังไงก็ต้องขาดทุนเข้าให้สักวันจนได้ เพราะคุณไม่เข้าใจระบบที่ใช้จะทำให้คุณจัดการกับ Money Management ไม่ได้ บางคนยังไม่ทันได้กำไรเลยก็ขาดทุนจนเข็ดขยาดกันไป เพราะลงครั้งแรกก็จัดหนัก จัดเต็มกัน เวลาขาดทุนก็โดนไปเต็ม ๆ (อาจจะส่วนหนึ่งเท่านั้น)

ลองถามตัวเองว่า การเริ่มต้นในภาควิชาการเทรดค่าเงินคุณจะเริ่มต้นอย่างไร
เทรดด้วย DEMO
เทรดด้วย EA
เทรดด้วย Copy trade
เทรดด้วย signal
เทรดด้วยตัวเอง (พอร์ตจริง)

เรามาดูกันว่าแต่ละช่องทางเป็นอย่างไรกันบ้าง

เทรดด้วย DEMO  คุณจะได้วินัย ได้ทดสอบระบบที่คุณได้เรียนรู้มาได้อย่างไม่จบสิ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินออกจากกระเป๋าเลย ย้ำ!! ถ้าคุณเข้า – ออก order ตามระบบคุณจะได้วินัยแน่นอน เคยอ่านเจอในเว็บไซต์ pantip นักเทรดบางคนใช้ DEMO เกือบปี กว่าจะลงเงินจริงได้ และอยู่ในตลาดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเค้าเอาชนะตลาดได้ แต่หมายถึงเค้าสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอกับระบบที่เค้าฝึกฝนมาตลอดเวลาเกือบปีต่างหาก

เทรดด้วย EA กระแสการใช้ EA มาแรงไม่น้อยแต่ก่อนจะเข้าไปใช้ให้เราทำความเข้าใจกันก่อนว่า EA ตัวนี้ใช้อย่างไร เพื่อที่เราจะได้นำมาจัดการกับ Money Management ได้ บางตัวใช้ระบบมาร์ติงเกล เวลาที่ได้กำไรจะได้มากถึง 100%+ เลยทีเดียว แต่เวลาขาดทุนก็ล้างพอร์ตเอาง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราต้องรู้จัก EA ให้ดีก่อนใช้จริง จะได้ stop loss ได้ทันก่อนที่จะโดนลากจนพอร์ตสะอาดกันไป

เทรดด้วย Copy trade ระบบนี้เราไม่ต้องทำอะไรเลย คนที่เราเข้าไป Copy เค้าออก order ยังไง พอร์ตของเราก็ออกไปด้วยตามนั้นทุกอย่าง ถ้าเค้าเทรดได้เราก็ได้ แต่ต้องหัก % ให้เค้าไป ถ้าเค้าเทรดเสียเราก็เสียหายไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น Copy trade ก็คือคนคนหนึ่ง มีช่วงเวลาของการเทรดเสียด้วยเหมือนกัน หากจังหวะที่เราเข้าไป Copy trade เค้าเทรดเสียพอดี ก็เป็นอันล้างพอร์ตตามกันไป แต่ข้อดีก็คือ ถ้าเราเฝ้าติดตามการเทรดของนักเทรดเราจะเสมือนได้เรียนรู้วิธีการออก order ของผู้มีประสบการณ์ได้อีกทาง

เทรดด้วย signal การเทรดด้วยระบบนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราต้องเฝ้าติดตาม signal อย่างใกล้ชิด และเข้า order ตามเวลาที่แจ้งมาด้วย หากคลาดเวลาก็ถือว่าคลาด signal นั้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่า signal นั้นจะถูกต้องไปซะทุกครั้ง นักเทรดต้องจดบันทึกสถิติเอาเอง จะเชื่อหรือไม่ก็ต้องวิเคราะห์กันอีกที หรือจะใช้ระบบส่วนตัวเข้าช่วยสนับสนุนด้วยก็จะทำให้มีความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง

เทรดด้วยตัวเอง (พอร์ตจริง) หลาย ๆ คนบอกว่าเทรดด้วยความรู้ของตนเองดีที่สุด ไม่ว่าจะเทรดได้กำไรหรือขาดทุนก็ตาม เราก็จะรู้ได้ว่าเพราะอะไร ซึ่งเป็นความคิดที่ดีมาก ๆ และที่สำคัญการเทรดด้วยพอร์ตจริง ห้าม Overtrade โดยเด็ดขาด จัดการกับ Money Management ให้ดี ๆ เพราะโอกาสขาดทุนและทำกำไรมีมากพอ ๆ กัน ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าอีก 1 นาทีข้างหน้ากราฟจะเป็นไปตามที่เราคิดไว้หรือไม่

เพราะในโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ การศึกษาเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ การหาหนังสือดี ๆ มาอ่าน การแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน จนกระทั่งนำมาทดสอบด้วยตนเองจะทำให้เราตอบตัวเองได้ว่า มันคือหนทางของอิสระทางการเงินของคุณแล้ว ใช่หรือไม่ ?

ข่าวสารที่มีผลต่อการเทรด





ข่าวสารต่าง ๆ มีผลกระทบต่อการเทรดค่าเงินโดยตรง เพราะเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นจริงตามปัจจัยต่าง ๆ ของแต่และประเทศ ดังนั้นผู้ที่ฝึกการเทรดตามข่าวสารมาเป็นเวลานาน ก็จะมีโอกาสทำกำไรได้มาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ขาดทุนเลย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดการเทรดค่าเงินได้ทั้งนั้น ข่าวสำคัญต่าง ๆ จะถูกระบุอยู่ใน เว็บไซต์ http://www.forexfactory.com/calendar.php เช่น

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( NFP คือ Non-Farm Payroll ) ***
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ( FOMC Speaks ) 
ตัวเลขการขึ้นและลดอัตราดอกเบี้ย ( Funds Rate 
ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ( PMI คือ Purchasing Managers Index ) 
ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ( CPI คือ  Consumer Price Index ) 
ตัวเลขการขายปลีก ( Retail Sales ) 
ตัวเลขสินค้าประเภทคงทน ( Durable Goods ) 

จะเห็นว่าก่อนการเทรด หากนักเทรดต้องการเทรดตามข่าวก็สามารถวิเคราะห์และวางแผนการเทรดตามช่วงเวลาและเลือกคู่เงินตามที่ต้องการได้ แต่หากเทรดเดอร์ที่ไม่ถนัดนักในการเทรดตามข่าว ก็สามารถเข้าไปดูช่วงเวลาและหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน

นักเทรดบางกลุ่มใช้ ea (expert advisor) ที่เทรดในช่วงกราฟไม่มีเทรนด์ หรือ sideway กราฟก็จะสวิงขึ้น-ลง จนมาชนเส้น TP จึงทำให้ต้องระมัดระวังช่วงเวลาของข่าวมากเป็นพิเศษ ก่อนข่าวออกนักเทรดจะพยายามปิด order ก่อนให้ได้ ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็ต้อง cut loss ออกไปก่อน เพื่อป้องกันเงินทุนในพอร์ต

นักเทรดที่ใช้วิธีการเทรดตามข่าวเพื่อทำกำไร เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นจริงในแต่ละประเทศ และสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินได้ ดังนั้นพื้นฐานที่ต้องมีสำหรับนักเทรดช่วงเวลาที่มีข่าวคือเป็นผู้ที่วิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจการเงินได้อย่างถูกต้อง ว่าเหตุการณ์แบบใดที่จะทำให้ค่าเงินอ่อน หรือ แข็งขึ้นได้ เค้าก็เข้า order ไปตามนั้น ที่สำคัญ พวกเค้าจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ในการทำกำไร เพราะกราฟจะวิ่งอย่างรวดเร็วในเวลาสั้น ๆ แล้วก็กลับเข้าสู่ภาวะเทรนด์ปกติต่อไป แต่ข่าวบางข่าวที่เกิดขึ้น เช่น NFP คือ Non-Farm Payroll ก็อาจจะทำให้คู่เงินนั้น ๆ เปลี่ยนเทรนด์ไปเลยก็ได้ เช่น EUD/USD เป็นต้น

ด้วยความที่ข่าวสารมีการสวิงของกราฟค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นหากนักเทรดได้เคยสังเกตช่วงเวลาดังกล่าวมาบ้างจะทำให้ทราบได้ว่า ก่อนที่ข่าวจะออกมากราฟจะสวิงแรงมาก ๆ จนจับทิศทางไม่ได้ ซึ่งในบางคู่เงินจะเกิดการสวิงแรง ๆ เป็นระยะ ๆ ก่อน เป็นเวลาเกือบ ๆ ชั่วโมงเลยทีเดียว เทรดเดอร์ที่มีความชำนาญพอตัวก็จะเข้า order เพื่อทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่ ๆ กราฟสวิงกันเลย แต่ก็ระวังให้จงหนัก ว่าเราควรเข้าให้เร็ว และออกให้เร็วด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะตลาด forex แต่หากเป็นตลาด option ก็จะมีช่วงเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว หากเข้า order ไว้ถูกทาง ก็ทำกำไรได้มาก ที่สำคัญ อย่า over trade นะครับ เพราะหลาย ๆ ครั้งจะเห็นได้ว่าแท่งเทียนจะเป็นไส้ยาว ๆ ออกมาให้เราได้เห็น นั่นหมายถึงหากใครตั้ง stop loss เอาไว้ กราฟก็อาจจะแค่สวิงไปชนเพื่อกิน stop loss ก่อน แล้วกลับทิศทางไปอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง

Non farm payroll จะเป็นข่าวตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐ ที่จะมีการประกาศตัวเลขเดือนละ 1 ครั้ง ในวันศุกร์สัปดาห์แรกของเดือน ซึ่งกลุ่มนักเทรดที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ หรือพอจะรู้ตัวเลขมาบ้างแล้วจากข่าวลือต่าง ๆ ก็ตั้งหน้ารอคอยเวลาเทรดกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่านักเทรดหลาย ๆ คนแค่เทรดข่าว Non farm payroll เดือนละ 1 ครั้ง ก็สบายกระเป๋าไปทั้งเดือนได้เลยก็แล้วกัน

แต่สำหรับผู้ที่ยังอ่อนประสบการณ์แต่อยากลอง ก็สามารถทดสอบก่อนด้วย Demo ได้ จะได้รู้จังหวะในการเข้า order เทพหลาย ๆ คน นับถอยหลังในการกด order กันเลยทีเดียว เหมือนการเล่นเกมส์ยังไงยังงั้น แต่ผลที่ออกมาก็มีทั้งกำไรและขาดทุน ซึ่งก็เป็นวัฎจักรของตลาดการเทรดค่าเงินอยู่แล้ว

Time Frames ที่ชอบกับการเทรดที่ใช่




คำว่า “ Time Frames “ หรือ “ กรอบเวลา “ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่เทรดเดอร์ใช้ในการตัดสินใจเข้า order ซึ่งก็นำมาใช้กับทุก ๆ ตลาด ทั้ง forex option หรือหุ้น 

หากคุณมีความแม่นยำ ซึ่งต้องมั่นใจว่าได้ศึกษามาแล้วเป็นอย่างดี และชอบทำกำไรด้วยความรวดเร็ว ก็อาจจะเลือก TF1 – TF30 (แต่ย้ำ!! ว่าคุณต้องแม่นในระดับสูง) แต่หากคุณต้องการดูเทรนด์ให้แน่นอนว่าทิศทางไปทางไหนก่อนที่จะเข้า order ก็ให้ดูจากกรอบเวลา Day เป็นหลักก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าใน TF เล็ก ๆ ต่อไป ก็จะทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่า ทิศทางเทรนด์ในวันนี้จะไปทางไหน จังหวะที่กราฟย่อตัวคุณก็จะไม่ตกใจจนเกินเหตุ ยกเว้นว่ามีข่าวแรง ๆ เข้ามาเป็นตัวกระตุ้นให้กราฟผิดทางไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

เรามาดูกันสักนิดในเรื่องของ Time Frames ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

1.การเทรดระยะยาวหรือที่เราอาจจะเรียกว่าการลงทุน ซึ่งระยะเวลานี้จะใช้ช่วงเวลาในการเข้า order น้อยครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลานานมากกว่าจะปิด order ซึ่งอาจะหมายถึงมากกว่า 1 สัปดาห์ 1 หากเป็นตลาดหุ้นก็ถือกันเป็นปีเลยก็ได้ 

จุดเข้า order ของคนกลุ่มนี้จะมีความแม่นยำค่อนข้างสูง เพราะผ่านการเฝ้ารอมาเป็นเวลานาน คือหากไม่เห็นสัญญาณก็จะไม่เข้า order เด็ดขาด ดังนั้นในระหว่างวันเค้าเหล่านี้ก็จะไม่ค่อยสนใจมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะมีการย่อตัวของกราฟเกิดขึ้น และเค้าได้ money management เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และหากทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ cutloss ออกไป เริ่มต้นใหม่ได้เช่นกัน

การเข้า order ส่วนใหญ่จะเข้าในจังหวะที่กราฟเป็นเทรนด์ เมื่อมีกำไรก็อาจจะยังไม่ปิด order เพราะเห็นแล้วว่ากราฟจะไปต่อไปอีก แต่จังหวะที่กราฟย่อตัวลงมา ก็จะเปิด order ซื้อเข้าไปอีก เพราะหวังทำกำไรไปจนเกือบสิ้นสุดเทรนด์ จึงทำให้คนกลุ่มนี้สร้างกำไรได้มากอย่างน่าอัศจรรย์ 

แต่..ช้าก่อน ไม่ได้เทรดกันได้ง่าย ๆ เลย ณ จุด ๆ นี้ เพราะกว่าจะดูเทรนด์ออก กว่ากราฟจะเป็นเทรนด์ พวกเค้าต้องอดทนเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน แต่หากทำสำเร็จก็ถือว่าเป็นจุดทำกำไรที่ดีงามทีเดียว

2.Swing Trading ระยะนี้เป็นระยะกลาง ๆ อาจจะถือ order ไว้มากกว่า 1 วัน แต่จะไม่ถือข้ามสัปดาห์เพราะเป็นห่วงในเรื่องของ gab ของการเปิดตลาดในวันจันทร์ที่เอาแน่นอนไม่ได้ หากถูกทางก็ถือว่าโชคดีมีกำไร หากผิดทางแล้วเงินในพอร์ตมีไม่พอ ก็อาจทำให้ล้างพอร์ตเอาดื้อ ๆ ได้เลย อีกอย่างบางคนเตรียมความพร้อมโดยการตั้ง stop loss ไว้ แต่พอเกิด gab ข้ามเส้น stop loss ไป ทำให้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ส่วนนี้เกิดขึ้นกับตลาด forex เป็นส่วนใหญ่ เพราะตลาดปิดเสาร์ – อาทิตย์) 

เทรดเดอร์กลุ่มนี้จะสามารถเปิด order ได้บ่อยครั้ง มากกว่ากลุ่มแรก กรอบเวลาที่ใช้ก็จะขยับมาเป็น H1-H4 แต่ก็ไม่ลืมที่จะดูเทรนด์ Day ก่อนที่จะเปิด order ด้วยเช่นกัน การปิด order ก็จะปิดเร็วขึ้นกว่าด้วย หากเค้าเห็นว่ามีกำไรพอสมควรแล้วก็จะปิดทันที แล้วหาจังหวะเข้าทำกำไรใหม่ ซึ่งข้อดีคือพวกเค้าจะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างรัดกุมมากขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้พลาดแนวโน้มครั้งใหญ่ไปได้เหมือนกัน

3.Day Trading เป็นของชอบสำหรับนักเทรดรุ่นใหม่ พวกเขามักใช้กรอบเวลาเล็ก ๆ ในการเทรด วัดกันเป็นรายนาที หรือชั่วโมงเลยทีเดียว แต่นักเทรดรุ่นเก๋าก็ใช้ร่วมด้วยเช่นกันเพราะมีความชำนาญในการดูราคามาเป็นเวลานาน เค้าจะมองออกว่า หากราคาขึ้นไปถึงตัวเลขนี้ จะย่อลงมาก่อนแล้วจะเด้งขึ้นไปอีกที เค้าก็จะหาจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่กราฟย่อเพื่อทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้

นักเทรดกลุ่มนี้จะสามารถสร้างกำไรได้พอสมควรไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป และอยู่ในกรอบของคำว่า “ต้องไม่ overtrade” ด้วย หากเกิดการขาดทุนขึ้นมาก็ไม่เสียหายมากเท่าไร ความเสี่ยงจากการถือสถานะไว้ข้ามคืนก็ไม่มีด้วยเช่นกัน ก็เป็นการเทรดจบเวลาอันรวดเร็ว

จะเห็นได้ว่า ในแต่ละกรอบเวลามีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากเทรดเดอร์พิจารณาแล้วว่าต้องการเทรดทุกช่วงเวลา เพื่อทดสอบความสามารถหรือเหตุผลใดก็ตาม ก็ควรแยกพอร์ตออกไปให้ชัดเจน เพื่อจะได้ประเมิณตนเองได้ดีกว่าที่จะนำทั้ง 3 กรอบเวลามารวมกัน จะทำให้สรุปผลยากมากขึ้น

Exness